วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Péniche บ้านเรือนแพฝรั่ง

เมื่อวานไปซุปเปอร์มาร์เก็ตเจอเพื่อนชาวเยอรมันที่เรียนภาษาฝรั่งเศสด้วยกัน ก็ทักทายกันปกติพอก่อนจากเห็นเพื่อนไม่ได้เอารถมาเลยคิดว่าบ้านเพื่อนต้องอยู่ใกล้ๆเลยถามว่าบ้านเธออยู่ไหนเพื่อนชี้ไปที่แม่น้ำหลังซุปเปอร์มาร์เก็ต งง..คนอะไรอยู่ในน้ำเลยถามอีกรอบเพื่อนก็ชี้ไปที่แม่น้ำอีกนพฬวรรณก็มองเห็นเรือจอดอยู่หลายลำ สามีเลยบอกว่าเค้าอยู่ที่ Péniche งง นพฬวรรณ งงอีก ก็เรือภาษาฝรั่งเศสเรียกเรือว่า "Bateau" ไม่ใช่หรอแล้วทำไมคุณสามีเรียก "Péniche" ล่ะ..ฮู้..

กลับมาบ้านก็ตั้งหลักค้นคว้าหาข้อมูลและให้คุณสามีช่วยอธิบายอึกที ได้ความว่า Bateau หมายถึงเรืออย่างที่นพฬวรรณเข้าใจนั่นแหละ แต่ Péniche หมายถึงเรือประเภทหนึ่งซึ่งเป็นเรือบรรทุกที่มีลักษณะท้องแบนและใช้ในการขนส่งสินค้า ฉะนั้นเรือประเภทนี้จะมีขนาดใหญ่ คนที่นิยมใช้ชีวิตอยู่บนเรือก็จะซื้อเรือบรรทุกพวกนี้มาดัดแปลงให้เหมือนบ้านและอาศัยอยู่บนเรือ งั้นนพฬวรรณเรียกว่าบ้านเรือนแพฝรั่งละกัน (นพฬวรรณค้นคำนี้เจอในพจนานุกรมบางเล่มแปล Péniche ว่าเรือนแพเหมือนกัน)

ฝรั่งเศสเริ่มมีบ้านเรือนแพเมื่อคนเริ่มเปลี่ยนจากการขนส่งสินค้าจากทางโดยเรือบรรทุกมาเป็นการขนส่งทางบกโดยรถบรรทุก เจ้าของเรือจึงพากันขายเรือผู้ซื้อเรือจึงนำเรือมาดัดแปลงเป็นบ้านเรือนแพ หรือบางคนนำเรือมาดัดแปลงเพื่อใช้ในธุรกิจการท่องเที่ยวเช่นนำมาทำเป็นเรือท่องเที่ยวที่แล่นไปตามแม่น้ำ ทำเป็นโรงแรมบนเรือ หรือบางคนนำมาทำเป็นร้านอาหารหรูบนเรือล่องไปตามแม่น้ำเช่นกัน ซึ่งไม่ต่างจากเมืองไทยที่พอการขนส่งสินค้าทางเรือบรรทุกไม่ได้รับความนิยมเพราะผู้คนเปลี่ยนมาขนส่งทางบกโดยรถบรรทุกกันเจ้าของเรือก็พากันขายเรือและส่วนมากเราจะเห็นเรือพวกนี้กลายมาเป็นเรือเพื่อการท่องเที่ยวเช่นกัน เช่นเรือสำหรับทานอาหารมื้อค่ำล่องบนแม่น้ำเจ้าพระยา หรือบางคนซื้อเรือมาทำร้านอาหารขายก๋วยเตี๋ยวเรือบนลำน้ำในคลองรังสิต หรือถ้ามีคนซื้อมาทำบ้านเรือนแพคงไม่มากเท่าที่ฝรั่งเศสเพราะที่นี่บ้านเรือนแพ Péniche นับเป็นบ้านประเภทหนึ่ง

และเรือพวกนี้สนนราคาอยู่ที่ 50,000 ยูโร ถึง 750,000 ยูโร ถ้าเทียบเป็นเงินไทยก็ประมาณ 2 ล้านบาท ถึง20ล้านบาท อั๊ยยะ!!!! เรือที่ราคาต่ำส่วนมากมีขนาดเล็กและยังไม่ได้ดัดแปลงหรือตกแต่งเป็นบ้าน ส่วนเรือที่ราคา 20 ล้านบาทได้โฆษณาขายว่าได้ดัดแปลงและตกแต่งเป็นเรือแบบโรงแรมซึ่งแล่นไปตามแม่น้ำในที่เมืองนพฬวรรณอยู่(เมืองที่นพฬวรรณอยู่เป็นเมืองท่องเที่ยวเพราะเป็นเมืองประวัติศาสตร์คะ)โดยมีที่พักสำหรับลูกค้าได้ 6 คนและสำหรับพนักงาน 4 คน (ซื้อโรงแรมมา 20 ล้านแล้วลูกค้าพักได้ 6 คนจะคิดค่าบริการคืนเท่าไหร่ละเนี่ย..หุ หุ..)

ส่วนเรื่องไฟฟ้าส่วนมากจะติดเครื่องปั่นไฟไว้ในเรือ(ราคาเรือขนาดนี่ติดเครื่องปั่นไฟน่ะเรื่องเล็ก ว่าป่ะ) และถ้าเรือบางลำอยากใช้ไฟของรัฐบาลก็ทำได้โดยติดต่อกับการไฟฟ้า ( EDF =Electricité de France) เพื่อขอใช้ไฟเหมือนไฟบ้านทั่วไป และพวกเรือเหล่านี้ก็ต้องจ่ายค่าเช่าที่จอดเรือให้กับรัฐบาล ถึงตอนนี้จำได้แล้วว่านพฬวรรณเคยรู้จักคนฝรั่งเศสคนหนึ่งเค้าบอกเค้าอยู่บนเรือตอนนั้นไม่ได้รู้เรื่องบ้านเรือนแพฝรั่งเลยถามกลับไปว่าไม่มีบ้านอยู่หรอถึงไปอยู่บนเรือเค้าบอกเรือนั่นแหละบ้านเค้าบ้านเค้าใหญ่นะแล้วก้อตกแต่งสวยด้วย อ๋อ หรา..ตอนนี้เข้าใจล่ะ..อิอิ..
ข้างหลังนพฬวรรณเป็นเรือนแพฝรั่งจอดเรียงรายกันอยู่
เมื่อเห็นเรือนแพฝรั่งทำให้ย้อนมานึกถึงเรือนแพไทยที่นพฬวรรณเคยไปเที่ยวก็ที่เรือนแพแม่น้ำสะแกกรังจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งมีวิถีชีวิตที่สอดรับกับความผูกพันของสายน้ำ  เพราะชาวแพเหล่านี้ไม่ได้ใช้แพเป็นเพียงที่พักอาศัยแต่ยังเป็นที่สำหรับประกอบอาชีพคือการเลี้ยงปลาในกระชังซึ่งทำสืบทอดกันมาหลายชั่วคน เมื่อนั่งเรือผ่านจึงเห็นภาพของวิถีชีวิตอันสวยงามของชาวเรือนแพ ส่วนเรือนแพฝรั่งนับเป็นรสนิยมเป็นความชอบของคนที่อยากมีบ้านอยู่บนพื้นน้ำแต่ไม่ได้ใช้สายน้ำในการเลี้ยงชีพฉะนั้นก็คงไม่อาจกล่าวได้ว่าแม่น้ำคือชีวิตของพวกเค้า แต่ถึงอย่างไรเราก็คิดว่าเค้าคงรักและดูแลรักษาน้ำที่เรือเค้าล่องลอยอยู่ถึงแม้ไม่เห็นวิถีชึวิตการพึ่งพาอาศัยสายน้ำของพวกเค้าแต่เราก็คิดว่าพวกเค้าคงมีความสุขอยู่ในบ้านบนพื้นน้ำที่พวกเค้าเลือกและจะเหมือนกับเนื้อเพลง "เรือนแพ สุขจริง อิงกระแสธารา
หริ่งระงมลมพลิ้วมา กล่อมพฤกษา ดั่งว่าดนตรี"  ของเพลงเรือนแพบ้านเราป่ะ..อิอิ..

ภาพของเรือ Pénicheที่ราคา 50,000ยูโร ประมาณ(2ล้านบาท) ซักลำมั๊ยอ่ะ..อิอิ..



ภาพขอเรือ Péniche ที่ราคา 750,000ยูโร( ประมาณ 20ล้านบาท)เรือแบบโรงแรมสำหรับล่องไปตามแม่น้ำ
 จองห้องพักซักห้องมั๊ย..อิอิ..







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น